
มิติสิ่งแวดล้อม
เป้าหมายการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ มุ่งมั่นบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดกฎหมาย บริหารจัดการน้ำ พลังงาน และวัสดุอย่างรู้คุณค่า ใช้หลัก 3R (Reduce, Reuse, Recycle) เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานทุกระดับ เพื่อลดและชะลอผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจและผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
การบริหารจัดการทรัพยากร
พลังงาน
บริษัทฯ มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือกและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานของพนักงานผ่านการสื่อสารทำความเข้าใจ การลงทุนเทคโนโลยีพลังงานสะอาดแม้จะส่งผลกระทบต่อกำไรในระยะสั้น แต่ในระยะยาวจะช่วยควบคุมต้นทุนดำเนินงาน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาพลังงาน และสร้างภาพลักษณ์องค์กรที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้สอดคล้องกับการดำเนินงานตามมาตรฐาน GRI และการสนับสนุน SDGs ในการสร้างความยั่งยืนทั้งทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม

- มุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินงาน
- ศึกษาความเป็นไปได้และนำรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาใช้ทดแทนรถขนส่งของบริษัทฯ และการใช้รถขนส่งไฟฟ้าในคลังสินค้าอ้อมใหญ่ให้ครอบคลุม 20% ของจำนวนรถขนส่งทั้งหมด
- ลดการใช้ไฟฟ้าในสำนักงานใหญ่และคลังสินค้าลง 8% จากปีฐาน 2566
- เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างน้อย 10%
- ขยายการใช้รถขนส่งไฟฟ้าในคลังสินค้าอ้อมใหญ่ให้ครอบคลุม 40% ของจำนวนรถขนส่งทั้งหมด
- ลดการใช้ไฟฟ้าในสำนักงานใหญ่และคลังสินค้ามากกว่า 10% จากปีฐาน 2566
- เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างน้อย 15%
โครงการบริหารจัดการทรัพยากร

โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ คลังสินค้าอ้อมใหญ่
บริษัทฯ ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 120 กิโลวัตต์ ที่คลังสินค้าอ้อมใหญ่เสร็จสิ้นและเริ่มใช้งานตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานไฟฟ้าจากภาครัฐและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ผลการดำเนินงานตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงธันวาคม 2567 แผงโซลาร์เซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้รวม 84,642 กิโลวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นร้อยละ 29 ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในคลังสินค้า ซึ่งเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ร้อยละ 25 โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดตามแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นต้นแบบในการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในภาคธุรกิจ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและมาตรฐานการรายงานด้านความยั่งยืนระดับสากล
ผลการดำเนินงานปี 2567
รายได้จากการขายและการให้บริการ
แผงโซลาร์เซลล์สามารถผลิตไฟฟ้าได้รวม
คิดเป็นร้อยละ 29 ของพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในคลังสินค้า
ประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อรายได้ดีขึ้น ร้อยละ
เนื่องจากลักษณะธุรกิจค้าปลีกที่เช่าพื้นที่ในห้างสรรพสินค้า บริษัทฯ จึงไม่สามารถควบคุมระบบไฟฟ้าและเครื่องปรับอากาศได้โดยตรง แต่ได้มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพผ่านการเลือกใช้อุปกรณ์ประหยัดพลังงานและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในส่วนที่ควบคุมได้ โดยคำนวณอัตราการใช้พลังงานเฉพาะคลังสินค้า สำนักงานใหญ่ และสาขาที่บริษัทฯ ควบคุมโดยตรงเพื่อให้สะท้อนประสิทธิภาพที่แท้จริง ผลการดำเนินงานปี 2567 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2566 แสดงความสำเร็จอย่างโดดเด่น แม้ว่าการใช้ไฟฟ้ารวมจะเพิ่มขึ้นจาก 1.23 ล้านเป็น 1.32 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงจากการขยายธุรกิจ แต่ประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่อรายได้กลับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยลดลงจาก 487.26 เป็น 423.26 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อรายได้ 1 ล้านบาท หรือปรับปรุงได้ถึงร้อยละ 13.1 ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของมาตรการประหยัดพลังงานและการสร้างจิตสำนึกให้พนักงานในการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า
ปี พ.ศ. | ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของ คลังสินค้า สำนักงานใหญ่ และสาขาของบริษัทฯ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมการใช้พลังงานโดยตรง* (กิโลวัตต์) | รายได้จากการขายและให้บริการ (ล้านบาท) | ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของคลังสินค้า สำนักงานใหญ่และสาขาของบริษัทฯ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมการใช้พลังงาน (กิโลวัตต์: รายได้ 1.0 ล้านบาท) |
---|---|---|---|
2566 | 1,232,521.28 | 2,529.51 | 487.26 |
2567 | 1,316,882.00 | 3,111.27 | 423.26 |
น้ำ
บริษัทฯ ตระหนักถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดภัยน้ำท่วมและน้ำแล้งรุนแรงขึ้น ส่งผลต่อความแปรปรวนของทรัพยากรน้ำและปัญหาการขาดแคลน แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกจะไม่ใช้น้ำในปริมาณมาก แต่องค์กรตระหนักว่าน้ำเป็นทรัพยากรที่ต้องใช้ร่วมกันกับชุมชนและสังคม จึงได้จัดทำแผนบริหารจัดการน้ำแบบองค์รวมผ่านการจัดตั้งคณะทำงานและประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นการใช้น้ำอย่างคุ้มค่าด้วยหลักการลดปริมาณการใช้น้ำผ่านการตรวจสอบจุดรั่วไหลและปลูกจิตสำนึกให้พนักงาน พร้อมทั้งควบคุมการปล่อยน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานกฎหมายและได้รับการสอบทวนจากหน่วยงานภายนอก เพื่อให้การจัดสรรทรัพยากรน้ำมีความยั่งยืนและสร้างความรับผิดชอบต่อชุมชนและสังคมตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับสากล

- ลดปริมาณการใช้น้ำต่อจำนวนพนักงานต่อปี 6% สำหรับคลังสินค้าและสาขา standalone เทียบกับปีฐาน 2566
- พัฒนาระบบจัดเก็บข้อมูลการใช้น้ำแบบอัตโนมัติ
- ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำในทุกจุดการใช้งาน
- ลดปริมาณการใช้น้ำต่อจำนวนพนักงานต่อปี 12% สำหรับคลังสินค้าและสาขา standalone เทียบกับปีฐาน 2566
- นำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ซ้ำในการทำความสะอาดคลังสินค้าอย่างน้อย 20% ของการใช้น้ำทั้งหมดภายในปี 2577
- พัฒนาระบบจัดการน้ำแบบครบวงจร
- สร้างมาตรฐานการใช้น้ำอย่างยั่งยืนสำหรับทุกหน่วยงาน
โครงการการจัดการทรัพยากรน้ำ

- โครงการ "Moshi รณรงค์ประหยัดพลังงาน สุขใจเมื่อช่วยโลก" โครงการรณรงค์การใช้น้ำอย่างประหยัดระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2567 เพื่อปลูกจิตสำนึกให้พนักงานใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ปริมาณการใช้น้ำต่อพนักงานเพิ่มขึ้น 17.3% จากการขยายสาขา standalone แต่สามารถสร้างวัฒนธรรมการอนุรักษ์น้ำในองค์กร
- โครงการระบบร้องเรียนแจ้งปัญหาการซ่อมแซมอุปกรณ์การใช้น้ำ ระบบแจ้งซ่อมอุปกรณ์การใช้น้ำเริ่มใช้งานตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2567 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ไม่มีข้อร้องเรียนคงค้างและช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการรั่วไหลอย่างมีประสิทธิภาพ
- โครงการตรวจสอบคุณภาพน้ำเสีย ณ คลังสินค้า การตรวจสอบคุณภาพน้ำเสียในเดือนธันวาคม 2567 โดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ILAC-MRA และ TLAS พบว่าทุกพารามิเตอร์เป็นไปตามมาตรฐานกฎหมาย แสดงความรับผิดชอบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ผลการดำเนินงานปี 2567

ขยะ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการขยะอย่างครบวงจรตามหลักการลด นำกลับมาใช้ และรีไซเคิล เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืน โดยพัฒนาระบบคัดแยกขยะเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ขยะรีไซเคิลและขยะที่ต้องส่งไปฝังกลบ พร้อมทั้งมีการติดตามและรายงานข้อมูลปริมาณขยะเป็นรายไตรมาสผ่านระบบการกำกับดูแลที่โปร่งใส นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังริเริ่มโครงการลดปริมาณขยะจากการขนส่งด้วยการใช้ลังพลาสติกแบบหมุนเวียนแทนกล่องกระดาษ และคัดเลือกผู้ให้บริการกำจัดขยะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพบุคลากรและสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนผ่านกิจกรรมให้ความรู้ด้านการคัดแยกขยะ เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนขยายการจัดเก็บข้อมูลให้ครอบคลุมทุกสาขาภายใน 2-3 ปีข้างหน้า เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินธุรกิจที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

- ลดปริมาณขยะฝังกลบร้อยละ 15 เทียบกับปีฐาน 2567
- ลดปริมาณขยะร้อยละ 5 เทียบกับปีฐาน 2567
- พัฒนาระบบการจัดการขยะแบบครบวงจรตามหลัก 3R
- ลดปริมาณขยะฝังกลบร้อยละ 30 เทียบกับปีฐาน 2567
- ยกระดับการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์และรีไซเคิลอย่างเป็นระบบ
- ลดปริมาณขยะร้อยละ 10 เทียบกับปีฐาน 2567
- สร้างวัฒนธรรมองค์กรด้านการจัดการขยะอย่างยั่งยืน
- พัฒนาเป็นต้นแบบสำนักงานที่มีการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจค้าปลีก ทั้งในด้านต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติที่อาจกระทบต่อการดำเนินงานของสาขาและการขนส่งสินค้า รวมถึงความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากผู้มีส่วนได้เสียที่ต้องการให้ธุรกิจมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างครอบคลุมและเป็นระบบ ผ่านการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่วัดผลได้ การประเมินและติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามมาตรฐานสากล การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย การส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน การบริหารจัดการโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ การลดและจัดการของเสีย การสร้างความตระหนักรู้ให้กับพนักงาน และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในการกำหนดแนวทางการดำเนินงาน พร้อมทั้งรายงานความก้าวหน้าอย่างโปร่งใสและสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ


กรีนออฟฟิศ
โครงการลดการใช้กระดาษเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลเพื่อลดการพิมพ์เอกสารที่ไม่จำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร
ในปี 2567 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการลดปริมาณการใช้กระดาษลงได้ 355 รีม หรือคิดเป็นร้อยละ 9.6 จากปีก่อน ซึ่งส่งผลให้สามารถลดการตัดต้นไม้ได้ 21 ต้น ประหยัดน้ำในกระบวนการผลิต 3,550 ลิตร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 887.5 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลดปริมาณขยะกระดาษกว่า 887.5 กิโลกรัม โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อคนรุ่นต่อไป
โครงการใบเสร็จเพื่อโลกสีเขียว
เป็นการแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมผ่านการเลือกใช้กระดาษใบเสร็จที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน FSC (Forest Stewardship Council) ในทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืนที่คำนึงถึงอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติและการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ
ในปี 2567 บริษัทฯ มีมูลค่าการจัดซื้อกระดาษที่ได้รับการรับรอง FSC เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงการขยายตัวของธุรกิจไปพร้อมกับการยกระดับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้แก่พนักงานและลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระดับสากลผ่านจุดสัมผัสเล็กๆ ที่เชื่อมต่อกับลูกค้าทุกรายในชีวิตประจำวัน

ผลการดำเนินงาน 2567
การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับกิจกรรมจากที่บริษัทฯ มีอำนาจควบคุมการใช้ทรัพยากรเท่านั้น
การปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Emissions)
บริษัทฯ ใช้โปรแกรมคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของ TGO และมีแผนทวนสอบข้อมูลโดยหน่วยงานภายนอกในปี 2569 จากการวิเคราะห์ในปี 2567 บริษัทฯ มีการขยายสาขาจาก 131 เป็น 164 สาขา (เพิ่มขึ้น 25%) ส่งผลให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมเพิ่มขึ้นจาก 3,534.82 เป็น 4,354.52 tCO₂e อย่างไรก็ตาม ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อสาขา (GHG Intensity) ลดลงจาก 26.98 เป็น 26.55 tCO₂e ต่อสาขา หรือลดลง 1.59% แสดงถึงประสิทธิภาพการจัดการที่ดีขึ้นแม้มีการขยายธุรกิจ
สำหรับการดำเนินงานในส่วนที่บริษัทฯ ควบคุมโดยตรง (สำนักงานใหญ่ คลังสินค้า และสาขา) การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 715.68 เป็น 759.89 tCO₂e แต่ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อรายได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 0.283 เป็น 0.244 tCO₂e ต่อล้านบาทรายได้ หรือลดลง 13.78% สะท้อนถึงการควบคุมการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพดีขึ้น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบ่งเป็น 3 ขอบเขตตามมาตรฐานสากล ได้แก่ ขอบเขตที่ 1 (การปล่อยทางตรงจากการดำเนินงานที่ควบคุมโดยตรง) ขอบเขตที่ 2 (การปล่อยทางอ้อมจากการซื้อพลังงาน) และขอบเขตที่ 3 (การปล่อยทางอ้อมอื่นๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า) เพื่อการวางแผนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นระบบ
ตารางที่ 1 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทุกกิจกรรมดำเนินงานของบริษัท
ปี | รายได้ (ล้านบาท) | ขอบเขต 1 (tCO2e) | ขอบเขต 2 (tCO2e) | รวม (tCO2e) | ความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ((tCO2e) / รายได้ 1 ล้านบาท) |
---|---|---|---|---|---|
2566 | 2,529.51 | 99.54 | 3,435.28 | 3,534.82 | 1,397.43 |
2567 | 3,111.26 | 101.58 | 4,252.94 | 4,354.52 | 1,399.60 |
ตารางที่ 2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับกิจกรรมจากที่บริษัทฯ มีอำนาจควบคุมการใช้ทรัพยากรเท่านั้น
ปี | รายได้ (ล้านบาท) | ขอบเขต 1 (tCO2e) | ขอบเขต 2 (tCO2e) | รวม (tCO2e) | ความเข้มข้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ((tCO2e) / รายได้ 1 ล้านบาท) |
---|---|---|---|---|---|
2566 | 2,529.51 | 99.54 | 616.14 | 715.68 | 282.93 |
2567 | 3,111.26 | 101.58 | 658.31 | 759.89 | 244.24 |
ขอบเขตการเก็บข้อมูล สำนักงานใหญ่ คลังสินค้า สาขา standalone
การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบกฎหมายและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด โดยกำหนดนโยบายการบริหารจัดการความยั่งยืนและนโยบายสิ่งแวดล้อมที่มีเป้าหมายให้ข้อร้องเรียนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์ ผ่านการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพครอบคลุมการใช้น้ำ การจัดการขยะและของเสีย รวมถึงการประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งดำเนินการติดตามและคำนวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามหลักเกณฑ์ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเพื่อสนับสนุนเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ บริษัทฯ จัดให้มีการฝึกอบรมพนักงานอย่างต่อเนื่อง เปิดช่องทางรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้เสีย และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างเป็นระบบ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้น ชุมชน และสังคมในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน


เป้าหมายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ กำหนดเป้าหมายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ด้วยเป้าหมายหลักในการดำเนินงานให้ปราศจากการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมทุกรูปแบบ และรักษามาตรฐานการดำเนินงานให้ไม่เกิดกรณีที่นำไปสู่การได้รับหนังสือเตือนจากหน่วยงานราชการ การถูกปรับ หรือการเกิดคดีความด้านสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทฯ ได้กำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจนคือการรักษาจำนวนกรณีละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมให้เท่ากับศูนย์กรณีต่อปีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรม ตลอดจนสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืนอย่างมีคุณภาพ
Moshi Green Awareness
เป็นแนวทางการดำเนินงานหลักด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งขับเคลื่อนกิจกรรมอย่างเป็นระบบและครบวงจรผ่านการอบรมพนักงานใหม่ การพัฒนาศักยภาพพนักงานปัจจุบัน และการปลูกฝังค่านิยมหลักด้านความยั่งยืนให้เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร โครงการนี้ทำหน้าที่เป็นกรอบแนวคิดหลักสำหรับการจัดทำโครงการต่างๆ ที่ครอบคลุมการบริหารจัดการขยะ การจัดการพลังงาน การใช้ทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ และการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกฎหมายสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการควบคุมน้ำเสีย การจัดการมูลฝอย และการควบคุมมลพิษทางอากาศจากยานพาหนะในการดำเนินงานที่คลังสินค้า เพื่อให้พนักงานทุกระดับตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงพนักงานปฏิบัติการสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง มีส่วนร่วมในการลดของเสีย ประหยัดพลังงาน และใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ผลการดำเนินงานปี 2567
บริษัทฯ มีจำนวนข้อร้องเรียนและกรณีการละเมิดกฎหมายสิ่งแวดล้อมจากผู้มีส่วนได้เสียเท่ากับ
บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องจากการละเมิดกฎหมายหรือการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่ากับ
บริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสิ่งแวดล้อมผ่านการจัดอบรมให้กับผู้ช่วยหัวหน้าแผนกคลังสินค้าทั้ง
ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในยุคที่ผู้บริโภคมีความตระหนักรู้เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบจากการใช้ผลิตภัณฑ์ต่อสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเล็งเห็นโอกาสในการตอบสนองความต้องการของตลาดที่หันมาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยมลพิษ หรือการใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ขณะเดียวกันยังคงรักษาคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับผู้บริโภค
ภายใต้นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัทฯ ที่ส่งเสริมการจัดหาสินค้าและวัสดุอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายหลักในการพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนากระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่ย่อยสลายได้ เช่น พลาสติกรีไซเคิลและกระดาษรีไซเคิล เพื่อสร้างสมดุลระหว่างต้นทุนการผลิต การบริหารจัดการคู่ค้า และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนออกสู่ตลาดในราคาที่เหมาะสม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร

- เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 5 คอลเลคชั่น ภายในปี 2573
- เพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ในปี 2568 บริษัทฯ ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลเป็นหลักเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3 ประเภทหลัก ได้แก่ สมุดที่ผลิตจากกระดาษรีไซเคิล กระเป๋าที่ผลิตจากขวดพลาสติกใช้แล้ว และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนอื่นๆ เช่น ตระกร้า ไม้แขวนเสื้อ และถังขยะ ที่ผลิตจากเศษพลาสติกชนิด PP และ PS ซึ่งเป็นของเสียจากกระบวนการผลิต การคัดเลือกผลิตภัณฑ์เหล่านี้อิงจากความนิยมในตลาดและศักยภาพในการใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในกระบวนการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์แต่ละประเภท บริษัทฯ มุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างความสวยงาม ความทนทาน และความยั่งยืน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคสมัยใหม่ที่ต้องการลดการสร้างขยะและมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมผ่านการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่รับผิดชอบต่อโลก
การใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการใช้บรรจุภัณฑ์แบบดั้งเดิม โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติกที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบนิเวศ ภายใต้แรงผลักดันจากกฎระเบียบภาครัฐที่เข้มงวดขึ้น ความคาดหวังของผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบของภาคธุรกิจต่อสังคม บริษัทฯ เล็งเห็นว่าการปรับเปลี่ยนสู่บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงช่วยบรรเทาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญในการเพิ่มความน่าเชื่อถือ สร้างภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
บริษัทฯ จึงกำหนดแนวทางการจัดการบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืนผ่าน 3 หลักการหลัก ได้แก่ การลดการใช้พลาสติกที่ย่อยสลายได้ยาก การเพิ่มการใช้วัสดุรีไซเคิล และการคำนึงถึงขนาดและน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ โดยดำเนินการผ่านการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ เลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือย่อยสลายได้ พร้อมทั้งมีระบบติดตามและรายงานผลอย่างเป็นระบบ รวมถึงการสร้างความตระหนักและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานและคู่ค้าในการพัฒนานวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อม และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนสู่อนาคตที่ยั่งยืน

- การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนและสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้น
- เปลี่ยน tag จากกระดาษทั่วไปเป็นกระดาษรีไซเคิลภายในปี 2570
- ขยายการใช้วัสดุรีไซเคิลในบรรจุภัณฑ์ประเภทอื่นๆ
- เพิ่มการเปลี่ยนวัสดุบรรจุภัณฑ์เป็นวัสดุรีไซเคิล หรือลดปริมาณการใช้บรรจุภัณฑ์ให้ได้อย่างน้อย 4 ผลิตภัณฑ์ต่อปี
- พัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนในระยะยาว

โครงการลดการใช้บรรจุภัณฑ์
โครงการลดการใช้บรรจุภัณฑ์เป็นการดำเนินงานที่มุ่งลดการใช้พลาสติกหุ้มผลิตภัณฑ์โดยไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความสวยงาม ผ่านการเปลี่ยนรูปแบบจากการใส่ถุงพลาสติก OPP เป็นการจัด Display ณ จุดขายที่ร้านสาขา ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถลดการใช้ถุงพลาสติก OPP ได้ 1,200,000 ใบ หรือคิดเป็นน้ำหนัก 3 ตัน และลดการใช้กล่องบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์กระจกพกพาอีก 8,400 ใบ การดำเนินงานนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 10.5 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ลดการใช้น้ำมันดิบในกระบวนการผลิตได้ 1,500 ลิตร และที่สำคัญคือช่วยลดปัญหาขยะพลาสติกที่ต้องใช้เวลาย่อยสลายถึง 450 ปีในธรรมชาติ โครงการนี้สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจและการดูแลสิ่งแวดล้อม ผ่านการนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่ลดการสร้างขยะและผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
กรีนแท็ก
โครงการเปลี่ยนป้ายกระดาษเป็นกระดาษรีไซเคิลเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการพัฒนาและปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยมีเป้าหมายหลักในการทดแทนวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ เพื่อบรรลุ 3 วัตถุประสงค์สำคัญ ได้แก่ การลดปริมาณขยะในธรรมชาติ การลดการใช้ทรัพยากรใหม่ และการส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุที่ย่อยสลายได้
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ศึกษาและออกแบบการเปลี่ยนจากการใช้กระดาษอาร์ตการ์ดเป็นกระดาษรีไซเคิลสำหรับ tag สินค้า โดยพิจารณาอย่างรอบคอบทั้งด้านคุณภาพของกระดาษรีไซเคิลเพื่อให้มั่นใจในความทนทานและความเหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ กระบวนการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความเหมาะสมในการใช้งานจริง พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายที่จะเปลี่ยนมาใช้กระดาษรีไซเคิลเป็น tag สินค้าไม่น้อยกว่า 30% ของปริมาณการใช้ทั้งหมดภายในปี 2570 เพื่อเป็นก้าวสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน
